บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านวาณิชธนกิจชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory Services) และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Securities Underwriting Services) โดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในสายงานเพื่อให้บริการที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของทางการ ทําให้บริษัทเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของงานบริการด้านวาณิชธนกิจของบริษัทได้เป็นอย่างดี การให้บริการงานที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทครอบคลุมการให้คําปรึกษาด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแก่บริษัททั่วไปและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการโดยทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการให้คําปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากสํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
งานที่บริษัทให้บริการในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินรวมถึง
1) การออกและเสนอขายหลักทรัพย์
2) การควบรวมและซื้อขายกิจการ
3) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในการให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการประเภทต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียน
4) การปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูกิจการ
5) ที่ปรึกษาทางการเงินอื่นๆ
สำหรับการให้บริการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัท รวมถึงการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุน ตราสารหนี้ (หุ้นกู้และตั๋วแลกเงิน) หน่วยของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) และของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งก่อนที่บริษัทจะรับจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัทลูกค้ารายใด บริษัทจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ (Securities Issuer) สภาวะตลาดเงินและตลาดทุนโดยรวม ความสนใจในการลงทุนของผู้ลงทุน รวมถึงความสามารถในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของทางบริษัท
1. สถานะ |
บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ |
เช่นเดียวกับ SET |
2. ทุนชำระแล้วเฉพาะหุ้นสามัญ |
>= 300 ลบ. |
>= 20 ลบ. และ < 300 ลบ. |
3. การกระจายการถือหุ้นรายย่อย |
- >= 1,000 ราย |
>= 300 ราย |
4. การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน จำนวนหุ้นที่เสนอขาย - ทุนชำระแล้ว > 500 ลบ.
|
- ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นจาก ก.ล.ต. - >= 15% ของทุนชำระแล้ว |
>= 15% ของทุนชำระแล้ว
|
5. ผลการดำเนินงาน |
- มีผลการดำเนินงานต่อเนื่อง > 3 ปี โดยอยู่ภายใต้การจัดการของผู้บริหารส่วนใหญ่ชุดเดียวกัน > 1 ปีก่อนยื่นคำขอ |
- การจัดการของผู้บริหารส่วนใหญ่ชุดเดียวกัน > 1 ปีก่อนยื่นคำขอ และ หรือ ทางเลือกที่ 2: มีผลการดำเนินงานต่อเนื่อง >=1 ปี และมีมูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด (Market capitalization) >=1,500 ล้านบาท |
6. ฐานะการเงินและสภาพคล่อง |
ในส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท |
ในส่วนของผู้ถือหุ้น |
7. การบริหารงาน - กรรมการตรวจสอบ - ขอบเขต อำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการ |
- มีผู้บริหารและผู้มีอำนาจควบคุมที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. - แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 3 ท่าน - มีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทตาม หลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ |
เช่นเดียวกับ SET |
8. การกำกับดูแลกิจการ |
มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งมีคุณสมบัติตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด และให้ผู้ยื่นคำขอจัดทำและนำส่งรายชื่อและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบตามแบบที่ ต.ล.ท กำหนดจัดให้มีระบบการควบคุมภายในตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. |
เช่นเดียวกับ SET |
9. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ |
ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ คณะกรรมการ ก.ล.ต. |
เช่นเดียวกับ SET |
10. ข้อบังคับบริษัท |
ข้อบังคับของบริษัทและบริษัทย่อยมีข้อกำหนดครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. |
เช่นเดียวกับ SET |
11. งบการเงินและผู้สอบบัญชี |
- มีงบการเงินที่มีลักษณะและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ คณะกรรมการ ก.ล.ต. |
เช่นเดียวกับ SET |
12. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ |
มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ |
มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ |
13. ที่ปรึกษาทางการเงิน |
ดูแลไปอีก 1 ปีหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ |
เช่นเดียวกับ SET |
เกณฑ์ Silent Period
|
SET และ MAI |
ผู้เข้าข่าย |
Strategic Shareholders ** |
จำนวนหุ้น |
หุ้นจำนวน 65% ของทุนชำระแล้วก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน |
ระยะเวลา |
1 ปี 6 เดือนหลังจากการเข้าจดทะเบียน และจะมีการ |
หมายเหตุ :
* ผู้ถือหุ้นที่มิได้เป็น Strategic Shareholders
** Strategic shareholders รวมถึง: รัฐบาล หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ / กรรมการ ผู้บริหาร / ผู้ถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้ว / ผู้ถือหุ้นที่ต้องนำฝากหุ้นใน Silent Period